วันเสาร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2553

เมื่อฟ้าสีทอง ผ่องอำไพ


ประหลาดใจพอสมควรเมื่อรู้ว่า เสื้อแดงไปปิดล้อมอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิเมื่อช่วงบ่ายวันพฤหัสบดีก่อนสงกรานต์ นิสัยเดิม...เลิกงานปุ๊บ ... คว้ากล้องเชยๆตัวเดิมบึ่งรถขึ้นถนนบรมราชชนนี ไปลงพระราม๘ แล้วก็วกวนๆๆ ไปจนถึงด่านหน้าอนุสาวรีย์

กว่าหกโมงเย็น จอดรถไว้ที่ไกลๆ เดินจากด่านด้านนอก ซึ่งบอกไม่ถูกว่าจะเรียกว่าด่านอะไร แต่ขอบใจการ์ดเสื้อแดงเหลือเกิน ที่ให้สื่อเสื้อแดงตัวเล็กๆได้แบกกล้องสะพายขาตั้ง เดินดุ่มๆ เข้าไปดูสถานการณ์รอบๆ

มองไปรอบตัว ถนนทุกสายมุ่งเข้าอนุสาวรีย์ ถูกปิดด้วยรถแท็กซี่สารพัดสี คนเสื้อแดงทยอยมาจากทุกสารทิศ เดินเข้ามายังกลางลานอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่ข่าวเพิ่งแพร่สะพัดไปได้สักสามชั่วโมง นักข่าวทั่วทุกสารทิศมาทั้งหนังสือพิมพ์ ทีวีโทรทัศน์ไทยเทศบนท้องฟ้ามีเฮลิคอปเตอร์บินวนไปมาตลอดเย็นถึงค่ำ

หมาน้อยถือโอกาสเดินสำรวจดูเสื้อแดงที่มาร่วมชุมนุม โดยเดินขึ้นสะพานลอยฝั่งราชวิถี สำรวจดูผู้คนอย่างต่อเนื่อง พลันสะดุดกับข้อความบนเสื้อสีดำ

“.. เมื่อฟ้าสีทองผ่องอำไพ ประชาชนย่อมเป็นใหญ่ในแผ่นดิน..”

เวลานั้น หมาน้อยแทบนึกไม่ออกเลยว่า แค่คล้อยหลังวันมหาสงกรานต์กลับกลายเป็นว่าคนเสื้อแดงต้องหนีแทบตาย หลบห่ากระสุนปืนหัวซุกหัวซุน

เราให้ความหวังแบบลมๆ แล้งๆ กันมาสามสิบกว่าปี ว่ายุคฟ้าสีทองผ่องอำไพกำลังจะมา รอมาจนบัดนี้ แต่ยิ่งรอฟ้าก็ยิ่งปิดมืดลงไปพร้อมกับพายุตั้งเค้า ลูกแล้วลูกเล่า วันนี้นอกจากฟ้าจะไม่ได้ผ่องอำไพแล้ว ฟ้าหลังฝนพายุจะสีอะไร หรือพายุนอกฤดูสารพัดลูก ไม่รู้ว่าพายุใครเป็นพายุใครวิ่งเข้าชนกันวุ่นวาย สายล่อฟ้าสายล่อสัญญาณพิเศษ แข่งกันส่งสัญญาณกับจานดาวเทียมสารพัดดวง เล่นเอาประชาชนไทยตาดำๆ อย่างหมาน้อยเริ่มไม่แน่ใจเองเสียแล้วว่า ฟ้าที่ว่าจะสีทองหรือสีอะไรนั้น ยังไม่สำคัญเท่ากับว่า ตกลงแล้ว

“ฟ้ายังคงเป็นฟ้าของเรา...... หรือเปล่า???”

1 ความคิดเห็น:

  1. ยุคนี้อาจจะไม่ใช่ฟ้าของเรา แต่สักวันหนึ่งจะเป็นฟ้าของเราตลอดไป ^^

    ตอบลบ