วันเสาร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2553

เด็กดาวไถ



ท่านนายกฯทักษิณ ชินวัตรได้เรียกนายกฯมาร์ค กับรัฐมนตรีคลังกรณ์ว่า “เด็กสองคน” ดูแลประเทศไทย ซึ่งก็ไม่ค่อยจะซาบซึ้งกินใจกับความหมายมากนัก จนกระทั่งเมื่อประเทศกำลังจะจวนไปมิจวนไปแหล่ ปรากฏว่าเด็กสองคนส่งลูกน้องคือกรมสรรพากรออกอาละวาดภาษีกันวุ่นวาย แต่ยังมีแก่ใจให้นายสาธิต ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลังมาแจกข่าวใหญ่น่าดีใจว่า รัฐบาลจัดเก็บภาษีรายได้สุทธิ 1.10 แสนล้านบาท สูงกว่าเป้าถึง 18,000 ล้านบาท

แถมยังประกาศว่า “ จากผลการจัดเก็บรายได้รัฐที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทำให้คลังมั่นใจว่าปี 53 จะเก็บรายได้ตามเป้าที่คาดหมายไว้จำนวน 1.522ล้านล้านหรืออาจสูงกว่าถึง 1.72 แสนล้านบาท”

ท่านคิดได้ไง? ท่านภูมิใจได้อย่างไร? ท่านก็รู้แก่ใจว่า บรรดาบริษัทฯทั่วไปใหญ่โตมีระบบภาษีอยู่ เขาก็แจ้งภาษีเป็นระบบ ขายได้เท่าไรก็จ่ายภาษีเท่านั้น ดังนั้นรายได้ภาษีที่เพิ่มขึ้นจึงต้องหามาจากพ่อค้าแม่ค้าที่ใช้วิธี “ประเมินภาษีแบบเหมาจ่าย”

เขาไปเรียกพ่อค้าแม่ค้าแต่ละร้านมานั่งบีบ บีบกันหน้าเขียว คูณเลยวันนึงควรขายได้กี่จานกี่หม้อ หม้อละกี่บาทรวมวันนึงได้เท่านั้นเท่านี้กดคูณ 365วัน คนรอบข้างตัวผมทุกวันนี้ มีถึงขนาดเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรเดินเข้าประตูบ้านไปเที่ยวเดินรอบบ้านรอบร้านถ่ายรูปถ้วยโถถัง กะละมังยันห้องน้ำ ทำเอาเจ้าของร้านเขาตกอกตกใจ แต่ทำอะไรก็ไม่ได้ มันไม่ใช่ไปละเมิดเขาเหรอครับ

แล้วภาษีที่เก็บเพิ่มได้อีกส่วน ท่านไม่ได้แกะตัวเลขหรือว่าเขาได้มาจากภาษีสรรพสามิตน้ำมัน ซึ่งตอนนี้เบนซีน 95 ปกติล่อไปลิตรละ 42 บาทแล้ว ไม่ได้แกะดูหรือว่ารายได้จากนำเข้าทองคำมาปั่นๆๆๆๆกัน ในขณะที่รายได้คนค้าขายลดลง แล้วรายได้ภาษีมันสวนทางกับเงินในกระเป๋าชาวบ้านได้อย่างไร?

หากเป็นเช่นนี้ผมไม่ต้องมีนายกรัฐมนตรีก็ได้ ผมมีแค่อธิบดีกรมสรรพากรก็ได้

หน้าที่เด็กสองคนไม่ใช่ดีใจสร้างภาพเก็บภาษี แต่ควรหาทางสร้างตลาดสร้างรายได้เพิ่มให้กับชาวบ้านเขา เพื่อให้เขามีรายได้ดีมากขึ้น แล้วเอามาจ่ายภาษีให้ท่าน ไม่ใช่เขายิ่งยากจนก็ยิ่งไปรีดเลือดกับปู จำไว้น่ะมาร์ค ผมน่ะไม่ได้จบอ็อกฟอร์ด แต่พอพูดได้คำหนึ่งว่า

“ไถเงินชาวบ้านเขาเรียกว่าเจ๋งหรือครับ ท่านนายกฯ”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น