วันเสาร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ลุงนวมทอง ไพรวัลย์


เมื่อเอ่ยถึงคำว่า "วีรบุรุษ" แล้ว สำหรับคนไทยทั่วไปก็มักนึกไปถึงบุคคลในประวัติศาสตร์ ที่เป็นแม่ทัพนายกอง เจ้าพระยามหากษัตริย์ ตลอดจนหมู่ประชาชนผู้มีส่วนในการต่อสู้รักษาเอกราชกอบกู้บ้านเมืองหรือท้องถิ่นอาศัย หลายครั้งที่มีนักประวัติศาสตร์สมัยใหม่เริ่มตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่อง ราวเหตุการณ์หรือประวัติของวีรบุรุษในอดีต เช่นบุคคลเหล่านั้นมีตัวตนจริงทางประวัติศาสตร์หรือไม่? หรือได้มีเหตุการณ์สำคัญจริงเหมือนที่ได้ศึกษาเล่าเรียนมาหรือเปล่า?

อีกทั้งเมื่อมองไปถึง "ผู้เขียน" หลักฐานทางประวัติศาสตร์ก็เกี่ยวพันกับเจ้าพระยามหากษัตริย์ หรือผู้ชนะศึกสงครามไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ดังนั้นจึงปฏิเสธไม่ได้ว่า "ผู้ชนะเป็นผู้เขียนประวัติศาสตร์" เมื่อผู้ชนะเป็นผู้เขียนก็ย่อมเขียนในมิติของตน น้อยครั้งเหลือประมาณที่จะเขียนในมิติของสังคมหรือประชาชน
ยุค ปัจจุบัน หมาน้อยคิดว่าประชาชนอย่างเราๆท่านๆ คงจะเป็นวีรบุรุษกับเขายากหน่อย ที่พอมีเอ่ยอ้างเป็นวีรบุรุษของชาติ ก็จะเป็นทหาร ตำรวจ เจ้าหน้าที่ผู้สละชีพปกป้องเอกราช ผู้รักษาความสงบในภาคใต้ ภาคประชาชนหากไม่นับเหตุการณ์เดือนตุลาคมแล้ว ก็คงเป็นนักกีฬาเหรียญทองโอลิมปิค แล้วก็คุณครูจูหลิง ปงคำมูล ที่เป็นราษฎรประชาชนธรรมดา ที่สังคมให้ความรักและยกย่องด้วยใจ

วีรบุรุษ ในใจคนรักประชาธิปไตยอีกท่านหนึ่ง "นวมทอง ไพรวัลย์" คนขับแท็กซี่ที่ทนไม่ได้กับการรัฐประหารของคณะ คมช. คงไม่ต้องเอ่ยว่าท่านเสียชีวิตเช่นไรเพราะจักสร้างความสลดใจให้กับครอบครัว และคนที่รักท่าน หมาน้อยได้ไปร่วมงานทำบุญอุทิศส่วนกุศลเนื่องในวันครบรอบวันถึงแก่กรรม ๓ ปี ที่บริเวณสะพานลอยข้ามถนน หน้าสำนักงานหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ถนนวิภาวดีรังสิตช่วงเช้าวันที่ ๓๑ ตุลาคมที่ผ่านมา

หมาน้อยและ เพื่อนๆผู้รักประชาธิปไตย ได้ใช้เวลาสั้นๆ สักสองชั่วโมง ในการรำลึกถึงเหตุการณ์เมื่อสามปีก่อน แกนนำหลายท่านได้มาร่วมกันทำบุญถวายจตุปัจจัยไทยทานแด่พระสงฆ์ และกรวดน้ำอุทิศแด่คุณลุง ผู้จัดได้ติดป้ายไว้อาลัยและวางดอกไม้ ณ จุดบริเวณที่ท่านลาโลกนี้ และร่วมยืนไว้อาลัยเป็นเวลาสั้นๆ เพื่อรำลึกถึงท่าน หมาน้อยเองไม่ได้รู้จักคุณลุงเป็นการส่วนตัว แต่จากจดหมายฉบับสุดท้ายที่คุณลุงเขียนไว้สั่งเสียก่อนจะลาโลก ได้ทำให้หมาน้อยรู้สึกเสมอว่า หมาน้อยจะนั่งเกาคางหาเห็บหมัดไม่ได้แล้ว หมาน้อยขอถือโอกาสนี้นำจดหมายฉบับสุดท้ายของคุณลุงมาลงไว้ ณ ที่นี้เพื่อเป็นอนุสรณ์แด่คุณลุงนวมทองในโอกาสวันครบรอบวันเสียชีวิต ๓๑ ตุลาคมดังนี้

"เทิดทูนชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ รัฐทหารและรัฐตำรวจ (ต้องไม่มี)

สวัสดีครับท่านพี่น้องประชาชนที่ เคารพ เหตุที่กระผมทำการพลีชีพเป็นครั้งที่ 2 โดยการทำลายตัวเองเพื่อมิให้เสียทรัพย์เหมือนครั้งแรกก็เพื่อลบคำสบประมาท ของท่านรองโฆษก คปค.ที่ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์หลายฉบับว่า "ไม่มีใครมีอุดมการณ์มากขนาดยอมพลีชีพได้"

เหตุพลีชีพครั้งแรกของผมยอม รับว่าคำณวนความเร็วของรถแท็กซี่ผิดพลาด รถถังที่จอดลานพระบรมรูปทรงม้าติดด้านหัวถนราชดำเนินนอก เมื่อผมขับรถผ่านกองบัญชาการทัพบกพ้นหัวถนนและเกาะกลางถนนเพื่อพุ่งเข้าชน เพื่อหักเลี้ยวแบบตัว S ความเร็วจึงลดลงมากเพราะต้องการชนแบบประสานงาน

ผม จึงแค่บาดเจ็บสาหัส ซี่โครงหัก 5 ซี่ ตาซ้ายบวมช้ำคางทะลุถึงภายในช่องปาก รักษาตัวโรงพยาบาลวชิรฯ มีคณะของคุณครูประทีป ฮาตะ และคณะอื่นๆ มาเยี่ยมหลายคณะและมีผู้สื่อข่าว นสพ. มาขอสัมภาษณ์ว่า ไม่พอใจหรือที่ปฏิรูปแล้วบ้านเมืองสงบสุข ไม่มีการนองเลือด ผมตอบไปว่าใครทำผิดกฎหมายและก่อความไม่สงบก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย ที่ผ่านมามีเบื้องหลังเบื้องลึกมากมาย ตอนนี้ก็เปิดหน้ากากออกมาจนเกือบหมดแล้ว เป็นการตบหน้าประชาชนอย่างไม่อาย. แต่ไม่เห็นเป็นข่าวรวมทั้งข่าวของผมที่ชนรถถังเพื่อประท้วง คปค. ลงข่าว นสพ. วันเดียวเงียบหายไปเลย ผมรักษาตัวที่โรงพยาบาลวชิรฯ 13 วัน คุณหมออนุญาตให้กลับมาพักฟื้นที่บ้านและนำ นสพ. ที่เสนอข่าวชนรถถังประท้วงคปค. ของผม พบคำสัมภาษณ์ท่านรองโฆษก ใน นสพ. ตรงกันหลายฉบับด้วยถ้อยคำที่กล่าวมาข้างต้นและยังปรามาสว่าผมแก่แล้ว คงทำด้วยอารมณ์ชั่ววูบ ก็มีเวลาเอาสีมาพ่นข้อความรอบตัวรถยังคิดว่าอารมณ์ชั่ววูบ ไม่น่าให้ทำงานและกินเงินเดือนที่ได้มาจากภาษีของประชาชนเลย.

ความ คิดผม เมื่อหายป่วยดีก็จะทำมาหากินขับรถ TAXI ไม่ก่อวีรกรรมอีกต่อไป แต่พบข้อความการให้สัมภาษณ์ นสพ. ของท่านรองโฆษก คปค. ในเชิงปรามาสดังกล่าวก็เลยต้องสนองตอบกันหน่อย เพราะนิสัยคนไทยฆ่าได้แต่หยามไม่ได้ และเหตุผลที่ผมเลือกวันสุดท้ายของเดือนตุลาคมเป็นวันพลีชีพเพราะเดือนนี้ เป็นเดือนที่วิญญาณของวีรชนที่สถิตอยู่ที่อนุสรณ์สถานฯ ที่ผมทำการพลีชีพนี้ได้เรียกร้องกระทั่งได้มาซึ่งประชาธิปไตย และวิญญาณของผมก็จะสถิตอยู่กับเหล่าวีรชนแห่งนี้ตลอดไป และขอยืนยันว่าปฏิบัติการทั้งสองครั้งทำด้วยใจ ไม่มีใครจ้าง

สุดท้าย ขอให้ลูกๆ และภรรยาจงภูมิใจในตัวพ่อ ไม่ต้องเสียใจ ชาติหน้าเกิดมาคงไม่พบเจอการปฏิวัติอีก

ลาก่อน พบกันชาติหน้า

ปล. ขอแก้ข่าว ขวดยาที่พบในรถภายหลังเกิดเหตุคืออาหารเสริมแคปซูลใบแปะก๊วยไม่ใช่ยาแก้ เครียดตามที่ลงข่าว นสพ. ผมไม่เครียดแต่ประท้วงจอมเผด็จการ

สวัสดีครับ


29 ตุลาคม 2549
(นายนวมทอง ไพรวัลย์)

ประวัติศาสตร์ชาติไทยจะ ยกย่องใครเป็นวีรบุรุษก็ตาม แต่สำหรับหมาน้อยแล้ว ประชาชนคนชื่อ "นวมทอง ไพรวัลย์" เป็นวีรบุรุษในใจของหมาน้อยตลอดไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น