วันเสาร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2553

เราทำตามสัญญาแล้ว



กว่าสองเดือนที่หมาน้อยขับรถราผ่านถนนเส้นต่างๆทั่วกรุงเทพมหานคร (ไม่นับต่างจังหวัด) ได้เห็นถึงป้ายแสดงผลงานของพรรคประชาธิปัตย์ ถือเป็นปรากฏการณ์ใหม่ครับ

หมาน้อยจำได้ว่าสมัยหมาน้อยวิ่งเล่นตามวัด หมาน้อยจะเห็นเข่งปุๆ ปะๆ กะมีหน้าแหลมๆผมสั้นๆ โลโก้ลุงจำลอง นั่นก็ยี่สิบกว่าปีแล้ว ลุงจะมาในโลโก้เสื้อม่อฮ่อม และเอาเข่งแม่ค้ามาพ่นสีเป็นการปฏิวัติสื่อการเลือกตั้งจริงๆ ในยุคแรกๆ หลังจากเป็นยุคใบปิดโฆษณาตามตึกต่างๆ หมาน้อยจำได้ว่า ยุคใบปลิวนั้นต้องเอามาทากาวแล้วอาศัยแปะตามกำแพงบ้านชาวบ้าน แกะก็ไม่ออก ไม่รู้ชาวบ้านด่าเอาบ้างหรือเปล่า

ในสมัยพรรคประชากรไทยสักหลังยุคลุงจำลอง น่าจะเป็นน้าสมัครของหมาน้อย ที่เอาสื่อมัลติมีเดีย(เรียกซะเท่) คือเทป... เทปจริงๆ เทปคลาสเซ็ท มาอัดเสียงปราศรัย แล้วแจกจ่ายไปยังทุกบ้าน ครัวเรือน ฟังไปซี๊ดไป เพราะน้าหมักสามารถพูดเรื่องยากให้ง่าย ทำได้หรือไม่ อีกเรื่อง หมาน้อยยังมีเทปหาเสียงของน้าหมักเก็บไว้อยู่ แต่ไม่มีเครื่องเล่นแล้ว พังหมด เพราะสมัยนี้ก้าวสู่ยุค ดีวีดีกันหมด

จากนั้นเข้าสู่ยุคไทยรักไทยที่เริ่มเอาป้ายฟิวเจอร์บอร์ด มาสกรีนลงตัวอักษรเขียนเน้นนโยบายที่ต้องการทำ สั้นๆ กระชับๆ เรียกเสียงฮือฮา เนื่องด้วยทุกพรรคในสมัยนั้น ทำป้ายหาเสียงด้วยการพิมพ์ลงบนกระดาษแข็ง เอาก้านไม้ไผ่เสียบติดไว้กับเสาไฟฟ้าบ้าง ต้นไม้บ้าง และเลือกหน้าตาผู้สมัคร โบ๊ะแป้งหน้าสามนิ้วมาลงพิมพ์ หล่อเกินตัวสวยเกินวัยมาลง จนเวลา ผู้สมัคร ส.ส.มาหาเสียง ยังจำไม่ได้ว่าคนเดียวกันหรือเปล่า ทุกพรรคขายหน้าตา แต่พรรคไทยรักไทยนั้น ขายมันสมอง

ต่อมาการพิมพ์ก้าวหน้าอีกนิด เริ่มพิมพ์ภาพลงไวนิลได้ คราวนี้แหละ ภาพหัวหน้าพรรคกับภาพผู้สมัครมากันเป็นแพคเก็จ คราวนี้แหละ จะเอาขนาดใหญ่ขนาดใหน สีสันสดสวยยังไง ทำได้หมด จะใส่นโยบาย จะชมใคร จะกัดใคร ได้หมด ใส่กันเต็มบ้านเต็มเมืองจนเกิดคดีรถชนกันเพราะป้ายโฆษณาหาเสียงบังทางจราจรจนมองไม่เห็นกัน

ยุคปีนี้ เป็นยุคที่ป้ายเฟื่องฟูสุดขีด เพราะนอกจากจะเห็นการติดป้ายตอนสมัครรับเลือกตั้ง ปรากฏว่า กลับเห็นป้ายโฆษณาผลงาน ที่ไม่แน่ใจว่าเป็นผลงานของตัวเองหรือของคนอื่น เท่านั้นยังไม่พอ ยังออกโฆษณาเป็นซีรี่ หรือ เวอชั่น ผลัดเปลี่ยนรายละเอียดไปตามที่ต้องการ ได้ล้างสมองกันทั้งวัน ยังไม่เท่าไร พรรคประชาธิปัตย์ยังก้าวล้ำนำหน้าเพื่อไทยไปอีกขั้น โดยการเอางบรัฐ มาลงโฆษณาตัวเอง ทุกสถานนีโทรทัศน์ เกือบทุกรายการ ลามไปทุกหนังสือพิมพ์ทุกฉบับถี่ยิบ ล่าสุดลามมาถึงรายการวิทยุ คลื่นกรมประชาสัมพันธ์บ้าง คลื่นทหารบ้าง(อ้อ เสียงป๋าคราง เอ้ย ครวญเพลงรักชาติ ก็มีน่ะ ฟังดีๆ) นี่ที่สุด ลามมาเบียดเอารายการวิทยุของวัยรุ่นเข้าให้แล้ว

หากโฆษณาแล้วพอพูดความจริงก็ยังพอทนรับฟังกันได้ แต่นี่พูดตอแหลเอาดีเข้าตัวเอาชั่วใส่คนอื่นกันทุกช่อง หมาน้อยเองยังรู้สึกเลยว่า “ เอียนแทบอ๊วก” กันอยู่ แต่นี่ยังเอานักจัดรายการวิทยุประเภท พูดน้ำไหลไฟดับสามชั่วโมงได้ มาพูดโฆษณาเชียร์คุณอภิสิทธิ์กันออกหน้าออกตาสารพัดจะทำ

แล้วท่านสังเกตอะไรไหม ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา พอขับรถผ่านป้ายโฆษณาตอแหลของพรรคนี้ จะเห็นว่ามีสีสเปรย์พ่นประมาณว่า “กู้หนี้มา ภูมิใจนักเหรอ” หรือ “กู้มาโกง” แถมคัทเตอร์กรีดซะ หมาน้อยไม่ได้นิยมชมชอบการกระทำเช่นนี้หรอก แต่ก็พอสะท้อนถึงหัวอก หัวใจประชาชนเดินถนนได้ว่า เขารู้สึกกันจริงๆ อย่างไร

อะไรก็ตามที่ทำแต่พอดี คนก็จะพอเชื่อนะ แต่หากทำเกินพอดีเป็นโฆษณาล้างสมองกันแล้ว มันไม่ดีกับท่านแน่ๆ หมาน้อยเคยบ่นเสมอว่า คนชั่วกับคนหน้าด้าน คนหน้าด้านน่ากลัวที่สุด เพราะคนชั่ว อาจรู้ตัวว่าชั่วและสำนึกได้ในภายหลัง แต่คนหน้าด้าน จะด้านไปทุกเรื่อง ทำเลวได้ทุกเรื่อง โกหกตอแหลได้ทุกเรื่องโดยไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าตนเองตอแหล แถมแอบภูมิใจว่าตนเองเก่งมาก ที่ทุกคนฟังตนพูดแล้วเชื่อตาม

ไหนๆ ท่านก็โฆษณากรอกหัวตัวเองว่าท่านได้ทำตามสัญญาไว้แล้ว ผมก็จะเออออไปกับท่านว่า ท่านอภิสิทธิ์ได้ทำตามสัญญาแล้วจริงๆ ไม่เชื่อก็ให้อภิสิทธิ์ไปถามยายเนียมดูสิ?!?!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น