วันเสาร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ทหารแตงโม




เราพูดกันมาอย่างชัดเจนว่าบ้านเราเมืองเรานี้ไม่มีความเสมอภาค มีการแบ่งแยกชนชั้น แยกลูกเขาลูกใคร ทัพใหนใครคุม ไม่เว้นแม้แต่ตำรวจและทหารที่มาเฝ้าอยู่ในวัดและโรงเรียน

ทันทีที่ทหารยินยอมถอยทัพออกจากโรงเรียนและวัดรอบจุดชุมนุม ทหารต้องอาศัยรถบรรทุกทหารกว่าสิบคันในการขนย้ายสัมภาระ สิ่งของรวมทั้งทหารเดินแถวออกจากวัด ใช้เวลากว่าครึ่งวัน ในขณะที่ตำรวจมีแค่เป้ใบเดียวเดินออกไปได้เลย
ทำไมถึงต่างกันครับ

(ฝั่งลูกเมียน้อย) ตำรวจนายหนึ่งเข้าประจำการที่โรงเรียนแห่งหนึ่งไกล้จุดชุมนุมเล่าให้ฟังว่า ตำรวจนั้นไม่มีอุปกรณ์อะไรติดตัว ขนแค่มุ้งหลังหนึ่ง ผ้าขะม้าปูนอนผืนหนึ่งก็มายืนประจำการโดยไม่มีแม้แต่ยาทากันยุง เบี้ยเลี้ยงวันหนึ่งๆ แปลงเป็นอาหารกล่องแห้งๆ สามกล่อง อาหารเช้ามาตอนสิบโมง อาหารเที่ยงมาตอนบ่ายสาม อาหารเย็นมาสองทุ่ม แถมข้าวแข็งๆพร้อมกับเหี่ยวๆ เบี้ยเลี้ยงก็ได้มาแบบไม่กี่บาท เอาไปซื้อก๋วยเตี๋ยวน้ำ กับโค้กก็หมดแล้ว

ข้ามรั้วไปแค่หนึ่งเมตร (ฝั่งลูกเมียหลวง) อาหารทุกมื้อถูกเสริฟตรงเวลาด้วยฝีมือแม่ครัวสดๆ ยกเตาแก๊ส ยกตู้เย็น มาปรุงสดๆถึงในค่ายทุกวัน หิวเป็ปซี่ก็มีมาเป็นลังๆ พร้อมน้ำแข็ง ยืนเฝ้านานแล้วเครียด อยากสูบบุหรี่ ก็มีสปอร์นเซอร์ใจดี ยกบุหรี่ทีละลังมาทิ้งไว้ หยิบสูบทิ้งสูบขว้าง ที่นอนหมอนมุ้งพร้อมอย่างดี

อุปกรณ์สื่อสารฝั่งตำรวจ มีวิทยุตัวหนึ่ง แต่ทหารยกคอมพิวเตอร์ เซฟเวอร์ พร้อมอุปกรณ์สื่อสารเคลื่อนที่ทุกชนิดเสียบปลั๊กใช้ได้ทันที ใครรวยหน่อยจะยกโน๊ตบุ๊คมาแอบดูรายการความจริงวันนี้ก็ไม่มีใครว่า

ดูซิ มันน่าน้อยใจใหม แม้จะเป็นลูกน้องอำมาตย์เหมือนกัน แต่ก็ยังมีแบ่งเป็นลูกรักลูกชัง รักลูกดูแลไม่เท่ากัน คนหนึ่งนอนตากยุงกลางสนามโรงเรียนไม่มีอุปกรณ์แม้แต่ชิ้นเดียว อีกคนเขามีมุ้งหมอนนอนหลับพร้อมเป่าพัดลมตัวเบ่อเริ่ม พอเวลาต้องย้ายทัพ เลยต้องขอเวลาเคลือนทัพ ย้ายข้าวของนานหน่อย

คุณตำรวจแกก็ไม่ได้บ่นอะไรน้อยใจไปกว่านี้เพราะแกปลงแล้ว เพียงแต่ถามผมเงียบๆว่า “... เมื่อคืนวงอะไรเล่นบนเวทีอ่ะพี่ แหม... ผมไปยืนดิ้นหน้าเวทีมันมาก.. เดี๋ยวคืนนี้ผมจะไปฟังใหม่น่ะ ผมขอวงดนตรีแบบเมื่อคืนนะ หนักสะใจดี พวกผมไปกันหมดเรย...”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น