วันเสาร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ไว้อาลัย สมัคร สุนทรเวช‏



ท่านผู้อ่านที่เคารพครับ

เราเพิ่งสูญเสีย เจ๊ขก สามัญชนคนเดินตลาดที่่รักในประชาธิปไตยสุดชีวิต ไม่กี่วันต่อมา
หมาน้อยก็ได้ทราบข่าวการถึงแก่อนิจกรรม ของท่าน อดีตนายกรัฐมนตรี สมัคร สุนทรเวช
ด้วยความเศร้าสลดจริงๆ


หมาน้อยทราบข่าวเพียงว่า ท่านเข้ารับการรักษาตัวจากอาการป่วยโรคมะเร็ง ตั้งแต่ช่วงก่อนปลายปี 2551 และท่านก็เงียบหายไปจากวงสังคม จนกระทั่งได้รับข่าวสลดใจเมื่อเวลา 9 นาฬิกาจากเพื่อนฝูงของวันที่ 24 พฤศจิกายน 52

ท่านเกิดเมื่อวันที 13 มิถุนายน 2478 เป็นบุตรของ เสวกเอก พระยาบำรุงราชบริพาน (เสมียน สุนทรเวช) และ คุณหญิงบำรุงราชบริพาน (อำพัน จิตรกร) เป็นหลานมหาเสวกตรีพระยาแพทย์พงศาวิสุทธาธิบดี (สุ่น สุนทรเวช) นายแพทย์ประจำพระองค์พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว

จบการศึกษาจากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ท่านเริ่มลงเล่นการเมือง ตั้งแต่ปี 2511 และเป็น สมาชิกสภาเทศบาลกรุงเทพมหานครเมื่อปี 14 จนได้ดำรงตำแหน่งสำคัญหลายๆตำแหน่ง ตั้งแต่รัฐมนตรีช่วยว่าการ จนรองนายกรัฐมนตรีในสมัยของรัฐบาลท่านจิ๋ซ ท่านบรรหาร จากนั้นท่านก็ลงสมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครจนได้รับคะแนนสูงสุดใน ประวัติศาสตร์ จากนั้น ท่านก็สมัคร ส.ว. คงคิดว่าเป็นเวทีสุดท้ัาย ที่สุดโดนรัฐประหารไปเสียก่อน

เมื่อวิกฤตการเมืองปี 2550 ท่านกระโดดเข้ามารับถือธงนำพรรคพลังประชาชนลงเลือกตั้งจนชนะการเลือก ตั้งเป็นพรรคลำดับ 1 และดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย และเป็นคณะรัฐมนตรีคณะที่ 57 เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2551
ที่ตลกที่สุดในชีวิตท่าน คงเป็นการอ่านคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ตัดสินให้ท่านพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีด้วยไปทำกับข้าวออกรายการ โทรทัศน์ ชิมไปบ่นไป และ ยนโขยง 6 โมงเช้า (เอ๊ะ นายกอภิสิทธิ์ ไปออกรายการทีวีสารพัดช่อง สารพัดรายการ ขัดไหม) เมื่อประมาณ กันยายนในปีเดียวกัน

ท่านมีผลงานมากมาย และเป็นนายกที่มีความติดดินมากท่านหนึ่ง ท่านเดินตลาดจ่ายกับข้าวได้ ออกทีวีพูดภาษาไทยสมัยพ่อขุนได้อย่างไม่ดัดจริตขัดเขิน และเป็นไม้เบื่อไม้เมากับสื่อมวลชนิดที่โดนด่าได้ทุกดอกทุกวัน ท่านได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์สูงสุดที่ ทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ เมื่อปี 2545 และเป็นคอลัมน์นิส ให้กับหนังสือพิมพ์ประชาไทย สยามรัฐสัปดาห์วิจารณ์ รวมทั้งดำเนินรายการวิทยุและโทรทัศน์แบบไม่มีสคริป แถมหอบครก สาก หมู กระเทียม มีด เขียง มาวางบนเวทีห้องส่งแบบไม่ขัดเขิน

ด้วยการต่อสู้ทางการเมืองที่รุนแรง แล้วท่านก็เป็นเหยื่อคนหนึ่งบนเวทีด้วย ท่านไม่เคยรำพึงรำพันใดๆ เมื่อท่านพ้นจากตำแหน่ง ท่านก็ไปเงียบๆ และใช้ชีวิตอย่างสงบเฉกเช่นคนสามัญ แต่ก็ไม่วายไม่พ้นคนจัญไรไปถือป้ายตามยกด่าถึงสนามบินที่อเมริกา ทั้งที่ท่านบินไปสองคนสามีภรรยาเพื่อพบแพทย์รักษาตัว มันทำกันได้ลงคอ

หมาน้อยจำได้เสมอถึง อมตะวาจาที่ท่านทิ้งท้ายไว้ก่อนลงจากตำแหน่งไว้ว่า "ความกลัวทำให้เสื่อม" หมาน้อยชักเริ่มเห็นความเสื่อมชัดเจนมากขึ้นแล้วครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น